ความรักครั้งแรก และ อาจจะเป็นรักสุดท้ายของผม (เขียนจากเรื่องจริง) #2
18:40 18/11/2562
ความรักครั้งแรก และ อาจจะเป็นรักสุดท้ายของผม (เขียนจากเรื่องจริง) #2
เรื่องเล่าทั้งหมด แด่ : ซูริจัง
หลังจากคบหาดูใจกันมา 3 เดือนในฐานะแฟน (^ - ^) ผมกับเธอก็มีโอกาสขอเธอเดท แบบจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก ซึ่งปกติแล้วไม่เธอก็ผม จะนัดกันไปกินข้าวที่ร้านต่างๆ ร้านที่ค่อนข้างจะธรรมดา เช่น ร้านโอโคโนะมิยากิ ร้านอุด้ง ร้านซูชิ แต่วันนี้ผมพาเธอไปเดทที่... ร้านหรูๆ 555+ ใช่มันเป็นร้านหรูๆ ที่มีอาหารจานละ 3-4 ร้อยบาท (จานใบเบอเริ่ม แต่อาหารมีพอแค่ แหย่พยาธิ 555+)
แล้วขากลับ เดินมาเจอกับตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์ เธอชวนผมถ่ายรูปด้วย นี่คือรูปใบแรกและใบเดียว ที่ผมได้ถ่ายรูปคู่กับเธอ ผมไม่เคยถ่ายรูปสติ๊กเกอร์มาก่อนเลยในชีวิต เธอจัดแจงเสร็จสรรพ เธอบอกว่าเวลามาเที่ยวกับเพื่อนสมัย ม.ปลาย ก็จะมาถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ล่ะนะ ในขณะที่ผมกำลังยืนยิ้มให้กล้อง เธอหอมแก้มผมเข้าอย่างจัง ผมอึ้งไปแป๊บหนึ่ง (>////<) เธอก็หันหน้าหนี แล้วพูดว่า "ขอบคุณนะที่ชวนมาเดท, ฉันมีความสุขมากๆเลย" ผมก็ยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า "ขอบคุณนะ"
นร.การบินทุกคน จะต้องเล่นกีฬา และจะต้องลงแข่งด้วย รร.ที่ผมเรียนดังในกีฬาบาสและเบสบอล ด้วยความที่ผมชื่นชอบ ในการ์ตูน Rookies (การ์ตูนแนวเบสบอล) ทำให้ผมเลือกที่จะเล่นกีฬานี้ ผมได้ประจำในตำแหน่งพิชเชอร์ (มือขว้างลูก) ในวันแข่งขันแฟนผม ก็มาเชียร์ด้วย พร้อมกับทำเครื่องราง เป็นรูปเสื้อเบสบอล (งานแฮนเมด) มันทำให้ผมมีกำลังใจในการแข่งมาก ได้โชว์ฟอร์มเท่ห์ๆ ต่อหน้าแฟนของผมด้วย :D
หลังจากที่เป็นคนรักกัน เข้าสู่ปีที่ 6
ผมกับเธอก็ได้ทำงาน ในสายอาชีพที่หวังไว้สมใจ เธอได้ทำงานให้กับสายการบิน ANA และผมเองก็ถูก JAL เลือก (จริงๆสมัคร ANA แต่เขาไม่เอา 5555+) ก็เลยได้สายการบินแม่ของ รร.การบินของผม มาเลือกผมไว้ [คนที่ไม่มีสายการบินไหนเลือก จะต้องไปหาที่สมัครเอาเอง]
การทำงานนี่แหล่ะคือจุด ที่อะไรๆกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะผมกับเธอ ทำงานคนละจังหวัด ผมทำที่ฟุกุโอกะ แต่เธอทำที่นาริตะ แต่ถ้าเวลาที่ว่างตรงกัน ผมก็จะเจอกับเธอ ผมกับเธอจะมีกฎที่ว่าด้วย "ถ้าบินไปที่ไหน ก็ซื้อช็อกโกแลตมาด้วยล่ะ แค่ชิ้นเดียวก็พอ เพื่อใช้เป็นเครื่องราง ว่าจะกลับมาถึงโดยสวัสดิภาพ" และกฎนี้ก็ใช้ได้ดีมาโดยตลอด
เข้าสู่การเป็นแฟน ปีที่ 7
วันหนึ่งในฤดูหนาว ใกล้วันคริสมาสตร์ ข้างทางก็จะประดับไฟวิบวับ มันเป็นวันที่ผมเดินกำเงิน ไปร้านขายจิลเวอรี่ และซื้อแหวนมาวงหนึ่ง วันนั้นเองผมนัดเจอเธอ เพื่อที่จะขอเธอแต่งงาน เมื่อเธอมาถึง มือและขาผมสั่น ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋า เธอพูดว่า "เราเลิกกันเถอะ" ผมบอกตามตรงเลยว่า ตอนนั้นผมทำตัวไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไร ในมือก็กำแหวนไว้แน่น เธอก็เดินหันหลัง แล้วเดินหนีผมไปเลย ผมตระโกนว่า "ทำไมละ" เธอไม่ตอบ... พอผมวิ่งไป เธอวิ่งหนี... ผมกลับมาที่พัก ผมหยิบแหวน โยนใส่ในลิ้นชัก แล้วก็นั่งนึกดูว่า ผมทำอะไรผิด สาเหตุของการถูกบอกเลิก มันคืออะไรกันแน่ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกซะที? โทรไปหาเป็นสิบๆสาย โทรติดนะ แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเลย
หลายอาทิตย์ผ่านไป ผมก็ยังคงทำใจไม่ได้ แล้วก็มีคนมากดออดหน้าบ้าน เป็นพนักงานส่งพัสดุ ปลายทางเป็นที่อยู่ บ้านแม่ของแฟนผมในนาระ เมื่อผมเปิดพัสดุออกมา ก็เจอกับสมุดโน๊ตเล่มหนึ่ง ซีดีแผ่นหนึ่ง และ จดหมายหนึ่งซอง ผมสงสัยว่าในซีดีมันคืออะไรกันแน่ ผมเลยเปิดดูในโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าแก่ของผม มันมีไฟล์วีดีโอ เมื่อผมเปิดเล่นมัน ภาพที่ปรากฎในคลิป มันเป็นภาพของเธอ เธอพูดในคลิปประมาณว่า "เอ่อ... จะว่าไงดีล่ะ, ตอนนี้นายสบายดีไหม กินข้าวหรือยัง, ฉันสบายดีนะ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในที่ๆฉันควรอยู่, ที่ฉันบอกเลิกกับนาย ฉันเสียใจมากนะ แต่ว่าฉันก็เชื่อว่า นายจะต้องเสียใจอยู่แน่ๆเลย, ขอโทษนะ"
พอผมเปิดจดหมายอ่าน ผมก็พบกับความจริงที่ว่าด้วย เธอป่วยครับ ป่วยหนักมาก เธอไม่ต้องการให้ผมเห็นเธอ ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต ก่อนที่เธอจะขอเลิกผม 1 เดือน มันเกิดอาการแปลกๆกับเธอ เธอเลยไปตรวจที่รพ.แล้วพบว่า มีเนื้องอกในแกนสมอง ซึ่งโอกาสผ่าตัดแล้วหาย มีไม่ถึง 1% ส่วนใหญ่จะตายในขณะผ่าตัด...
ผมคิดได้แค่ว่า ทำไมกันละ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ทำไมถึงปิดบังกัน เราเป็นแฟนกันนะ ในวันที่ผมย่ำแย่ ความฝันพังทะลาย เธอก็อยู่เคียงข้างผมมาตลอด พอถึงคราวของเธอ ทำไมกันละ ทำไมถึงไม่ให้ผม คอยอยู่เคียงข้าง... ผมเลยรีบนั่งรถไฟไปที่บ้านแม่ของเธอ ในมือก็ถือสมุดโน๊ตของเธอ ตอนนั้นอยู่บนรถไฟ ผมก็เปิดสมุดโน๊ตดูไปเรื่อย... จนมาสะดุดประโยคหนึ่ง ในกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่สอดในสมุดว่า "ขอบคุณมากนะ สำหรับความรักที่ให้มา, ขอบคุณที่มาเป็นแฟนกับคนซุ่มซ่ามอย่างฉัน, ขอบคุณที่เป็นแฟนคนแรก และเป็นแฟนคนสุดท้ายของฉัน" เฮ้ย!!! นี่มันประโยคลาตายชัดๆ เดี๋ยวๆนะ...!! ผมกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาในรถไฟ...
เมื่อผมมาถึงหน้าบ้านของแม่เธอ ผมก็กดกริ่งที่หน้าประตู แม่ของเธอเปิดประตูออกมา แล้วถามว่ามาหาใครคะ (เธอไม่เคยเจอผมมาก่อน แต่ผมเคยเห็นเธอในรูป เลยรู้ว่าเป็นแม่ของเธอ) ผมบอกว่า "มาหา ยูริซัง ครับ"... เธอบอกว่า "ยูริจัง ไม่อยู่ที่นี่นะ"... ผมก็พูดว่า "ขอบคุณครับ, ถ้าเจอเธออย่างไร ก็รบกวนให้โทรมา ที่เบอร์นี้ครับ" (ผมเขียนเบอร์แล้วยื่นให้) แล้วผมก็เดินจากไป
ผมลองไปหาตามสถานที่ต่างๆ ที่ผมเคยไปกับเธอก็แล้ว ยังไงก็หาไม่เจอ... ผมเลยโทรไปหาพวกเพื่อนๆของเธอ (ผมค่อนข้างสนิท กับเพื่อนๆของเธอ) พวกเธอก็บอกว่า "ไม่นะ! ยังไม่เจอเธอเลย เธอไม่ได้อยู่ กับนายเหรอ?" แล้วผมก็เลยโทรหาพี่สาวของเธอ พี่เธอก็บอกเช่นเดียวกันว่า "ไม่เจอเธอเลยนะ" 1 เดือนผ่านไป กับการตามหา ทุกสถานที่ ทุกรพ. ผมท้อแท้ และรู้สึกสมเพศ กับตัวผมเองมากๆ ทำไม ทำไม ทำไมถึงหาไม่เจอกันนะ...
แล้วเมื่อ 2-3 อาทิตย์ผ่านไป มีอีเมล์ส่งมาถึงผม ผู้ส่งคือพี่สาวของยูริจัง เขียนประมาณว่า "ยูริจัง ได้จากไปอย่างสงบ" พร้อมกับรูปแนบ เป็นพิธีศพของเธอ โดยที่ทุกคนได้เข้าร่วมพิธี แต่พิธีนั้นมันไม่มีผมอยู่ ผมพูดว่า "ทำไมไม่มีใคร บอกผมเลยว่า เธออยู่ที่ไหน" เธอบอกว่า "พี่สัญญากับยูริจัง พวกเพื่อนๆของยูริเอง ก็ได้ให้สัญญาไว้เช่นกัน, ถ้ายูริจังได้พบกับนาย เธอจะ เธอจะ..." แล้วเนื้อหาก็ไม่มีต่อ...
สิ่งที่ผมทำได้หลังจากนั้น คือ การไปไหว้ที่หลุมศพเธอ โดยที่แม่ของเธอพาผมไป (เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผมคือแฟนหนุ่มของยูริจัง) เป็นหลุมศพประจำตระกูลของเธอ... ผมได้พูดต่อหน้าหลุมของเธอว่า "ทำไม ทำไมคุณไม่บอกผม ทำไมถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว โดยที่ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณ" แม่ของเธอยื่นกระดาษ มาให้ผมแผ่นหนึ่ง แล้วพูดว่า "ยูริจัง ฝากมาให้น่ะ" ผมรีบเปิดอ่าน เธอเขียนว่า "ขอโทษ และ ขอบคุณนะคะ นับจากนี้ไป คุณไม่ต้องรอฉันอีกแล้วนะคะ ลาก่อน"
*ผมยังคงรอคุณเสมอนะ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี นับจากวันนั้นนี่ก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วนะ ผมไม่คิดที่จะมีความรักกับคนอื่นแล้วละ คุณคือคนรักของผม เพียงคนเดียวเท่านั้น*
จบ.
-------------------
หมายเหตุ :
เมื่อก่อนผมไม่ใช่พวกบ้าถ่ายรูปนะ แต่หลังจากเรื่องต่างๆผ่านไป ผมคิดว่าการถ่ายรูป มันก็ดีไปอย่างนะ มันเป็นเหมือนการบันทึกสิ่งต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ที่มันได้ผ่านตัวผมไปทั้งหมด ซึ่งถ้ามีรูปไว้มันก็จะดี จะได้หวญนึกถึงสิ่งต่างๆในอดีต ได้บันทึกไว้ในโลกนี้ว่า เราเองก็เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้
ความรักครั้งแรก และ อาจจะเป็นรักสุดท้ายของผม (เขียนจากเรื่องจริง) #2
เรื่องเล่าทั้งหมด แด่ : ซูริจัง
หลังจากคบหาดูใจกันมา 3 เดือนในฐานะแฟน (^ - ^) ผมกับเธอก็มีโอกาสขอเธอเดท แบบจริงๆจังๆเป็นครั้งแรก ซึ่งปกติแล้วไม่เธอก็ผม จะนัดกันไปกินข้าวที่ร้านต่างๆ ร้านที่ค่อนข้างจะธรรมดา เช่น ร้านโอโคโนะมิยากิ ร้านอุด้ง ร้านซูชิ แต่วันนี้ผมพาเธอไปเดทที่... ร้านหรูๆ 555+ ใช่มันเป็นร้านหรูๆ ที่มีอาหารจานละ 3-4 ร้อยบาท (จานใบเบอเริ่ม แต่อาหารมีพอแค่ แหย่พยาธิ 555+)
แล้วขากลับ เดินมาเจอกับตู้ถ่ายสติ๊กเกอร์ เธอชวนผมถ่ายรูปด้วย นี่คือรูปใบแรกและใบเดียว ที่ผมได้ถ่ายรูปคู่กับเธอ ผมไม่เคยถ่ายรูปสติ๊กเกอร์มาก่อนเลยในชีวิต เธอจัดแจงเสร็จสรรพ เธอบอกว่าเวลามาเที่ยวกับเพื่อนสมัย ม.ปลาย ก็จะมาถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ล่ะนะ ในขณะที่ผมกำลังยืนยิ้มให้กล้อง เธอหอมแก้มผมเข้าอย่างจัง ผมอึ้งไปแป๊บหนึ่ง (>////<) เธอก็หันหน้าหนี แล้วพูดว่า "ขอบคุณนะที่ชวนมาเดท, ฉันมีความสุขมากๆเลย" ผมก็ยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า "ขอบคุณนะ"
นร.การบินทุกคน จะต้องเล่นกีฬา และจะต้องลงแข่งด้วย รร.ที่ผมเรียนดังในกีฬาบาสและเบสบอล ด้วยความที่ผมชื่นชอบ ในการ์ตูน Rookies (การ์ตูนแนวเบสบอล) ทำให้ผมเลือกที่จะเล่นกีฬานี้ ผมได้ประจำในตำแหน่งพิชเชอร์ (มือขว้างลูก) ในวันแข่งขันแฟนผม ก็มาเชียร์ด้วย พร้อมกับทำเครื่องราง เป็นรูปเสื้อเบสบอล (งานแฮนเมด) มันทำให้ผมมีกำลังใจในการแข่งมาก ได้โชว์ฟอร์มเท่ห์ๆ ต่อหน้าแฟนของผมด้วย :D
หลังจากที่เป็นคนรักกัน เข้าสู่ปีที่ 6
ผมกับเธอก็ได้ทำงาน ในสายอาชีพที่หวังไว้สมใจ เธอได้ทำงานให้กับสายการบิน ANA และผมเองก็ถูก JAL เลือก (จริงๆสมัคร ANA แต่เขาไม่เอา 5555+) ก็เลยได้สายการบินแม่ของ รร.การบินของผม มาเลือกผมไว้ [คนที่ไม่มีสายการบินไหนเลือก จะต้องไปหาที่สมัครเอาเอง]
การทำงานนี่แหล่ะคือจุด ที่อะไรๆกำลังจะเปลี่ยนไป เพราะผมกับเธอ ทำงานคนละจังหวัด ผมทำที่ฟุกุโอกะ แต่เธอทำที่นาริตะ แต่ถ้าเวลาที่ว่างตรงกัน ผมก็จะเจอกับเธอ ผมกับเธอจะมีกฎที่ว่าด้วย "ถ้าบินไปที่ไหน ก็ซื้อช็อกโกแลตมาด้วยล่ะ แค่ชิ้นเดียวก็พอ เพื่อใช้เป็นเครื่องราง ว่าจะกลับมาถึงโดยสวัสดิภาพ" และกฎนี้ก็ใช้ได้ดีมาโดยตลอด
เข้าสู่การเป็นแฟน ปีที่ 7
วันหนึ่งในฤดูหนาว ใกล้วันคริสมาสตร์ ข้างทางก็จะประดับไฟวิบวับ มันเป็นวันที่ผมเดินกำเงิน ไปร้านขายจิลเวอรี่ และซื้อแหวนมาวงหนึ่ง วันนั้นเองผมนัดเจอเธอ เพื่อที่จะขอเธอแต่งงาน เมื่อเธอมาถึง มือและขาผมสั่น ในขณะที่ผมกำลังจะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋า เธอพูดว่า "เราเลิกกันเถอะ" ผมบอกตามตรงเลยว่า ตอนนั้นผมทำตัวไม่ถูก ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไร ในมือก็กำแหวนไว้แน่น เธอก็เดินหันหลัง แล้วเดินหนีผมไปเลย ผมตระโกนว่า "ทำไมละ" เธอไม่ตอบ... พอผมวิ่งไป เธอวิ่งหนี... ผมกลับมาที่พัก ผมหยิบแหวน โยนใส่ในลิ้นชัก แล้วก็นั่งนึกดูว่า ผมทำอะไรผิด สาเหตุของการถูกบอกเลิก มันคืออะไรกันแน่ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกซะที? โทรไปหาเป็นสิบๆสาย โทรติดนะ แต่เธอก็ไม่ยอมรับสายเลย
หลายอาทิตย์ผ่านไป ผมก็ยังคงทำใจไม่ได้ แล้วก็มีคนมากดออดหน้าบ้าน เป็นพนักงานส่งพัสดุ ปลายทางเป็นที่อยู่ บ้านแม่ของแฟนผมในนาระ เมื่อผมเปิดพัสดุออกมา ก็เจอกับสมุดโน๊ตเล่มหนึ่ง ซีดีแผ่นหนึ่ง และ จดหมายหนึ่งซอง ผมสงสัยว่าในซีดีมันคืออะไรกันแน่ ผมเลยเปิดดูในโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าแก่ของผม มันมีไฟล์วีดีโอ เมื่อผมเปิดเล่นมัน ภาพที่ปรากฎในคลิป มันเป็นภาพของเธอ เธอพูดในคลิปประมาณว่า "เอ่อ... จะว่าไงดีล่ะ, ตอนนี้นายสบายดีไหม กินข้าวหรือยัง, ฉันสบายดีนะ ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในที่ๆฉันควรอยู่, ที่ฉันบอกเลิกกับนาย ฉันเสียใจมากนะ แต่ว่าฉันก็เชื่อว่า นายจะต้องเสียใจอยู่แน่ๆเลย, ขอโทษนะ"
พอผมเปิดจดหมายอ่าน ผมก็พบกับความจริงที่ว่าด้วย เธอป่วยครับ ป่วยหนักมาก เธอไม่ต้องการให้ผมเห็นเธอ ในสภาพที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต ก่อนที่เธอจะขอเลิกผม 1 เดือน มันเกิดอาการแปลกๆกับเธอ เธอเลยไปตรวจที่รพ.แล้วพบว่า มีเนื้องอกในแกนสมอง ซึ่งโอกาสผ่าตัดแล้วหาย มีไม่ถึง 1% ส่วนใหญ่จะตายในขณะผ่าตัด...
ผมคิดได้แค่ว่า ทำไมกันละ ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ทำไมถึงปิดบังกัน เราเป็นแฟนกันนะ ในวันที่ผมย่ำแย่ ความฝันพังทะลาย เธอก็อยู่เคียงข้างผมมาตลอด พอถึงคราวของเธอ ทำไมกันละ ทำไมถึงไม่ให้ผม คอยอยู่เคียงข้าง... ผมเลยรีบนั่งรถไฟไปที่บ้านแม่ของเธอ ในมือก็ถือสมุดโน๊ตของเธอ ตอนนั้นอยู่บนรถไฟ ผมก็เปิดสมุดโน๊ตดูไปเรื่อย... จนมาสะดุดประโยคหนึ่ง ในกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่สอดในสมุดว่า "ขอบคุณมากนะ สำหรับความรักที่ให้มา, ขอบคุณที่มาเป็นแฟนกับคนซุ่มซ่ามอย่างฉัน, ขอบคุณที่เป็นแฟนคนแรก และเป็นแฟนคนสุดท้ายของฉัน" เฮ้ย!!! นี่มันประโยคลาตายชัดๆ เดี๋ยวๆนะ...!! ผมกระสับกระส่าย เดินไปเดินมาในรถไฟ...
เมื่อผมมาถึงหน้าบ้านของแม่เธอ ผมก็กดกริ่งที่หน้าประตู แม่ของเธอเปิดประตูออกมา แล้วถามว่ามาหาใครคะ (เธอไม่เคยเจอผมมาก่อน แต่ผมเคยเห็นเธอในรูป เลยรู้ว่าเป็นแม่ของเธอ) ผมบอกว่า "มาหา ยูริซัง ครับ"... เธอบอกว่า "ยูริจัง ไม่อยู่ที่นี่นะ"... ผมก็พูดว่า "ขอบคุณครับ, ถ้าเจอเธออย่างไร ก็รบกวนให้โทรมา ที่เบอร์นี้ครับ" (ผมเขียนเบอร์แล้วยื่นให้) แล้วผมก็เดินจากไป
ผมลองไปหาตามสถานที่ต่างๆ ที่ผมเคยไปกับเธอก็แล้ว ยังไงก็หาไม่เจอ... ผมเลยโทรไปหาพวกเพื่อนๆของเธอ (ผมค่อนข้างสนิท กับเพื่อนๆของเธอ) พวกเธอก็บอกว่า "ไม่นะ! ยังไม่เจอเธอเลย เธอไม่ได้อยู่ กับนายเหรอ?" แล้วผมก็เลยโทรหาพี่สาวของเธอ พี่เธอก็บอกเช่นเดียวกันว่า "ไม่เจอเธอเลยนะ" 1 เดือนผ่านไป กับการตามหา ทุกสถานที่ ทุกรพ. ผมท้อแท้ และรู้สึกสมเพศ กับตัวผมเองมากๆ ทำไม ทำไม ทำไมถึงหาไม่เจอกันนะ...
แล้วเมื่อ 2-3 อาทิตย์ผ่านไป มีอีเมล์ส่งมาถึงผม ผู้ส่งคือพี่สาวของยูริจัง เขียนประมาณว่า "ยูริจัง ได้จากไปอย่างสงบ" พร้อมกับรูปแนบ เป็นพิธีศพของเธอ โดยที่ทุกคนได้เข้าร่วมพิธี แต่พิธีนั้นมันไม่มีผมอยู่ ผมพูดว่า "ทำไมไม่มีใคร บอกผมเลยว่า เธออยู่ที่ไหน" เธอบอกว่า "พี่สัญญากับยูริจัง พวกเพื่อนๆของยูริเอง ก็ได้ให้สัญญาไว้เช่นกัน, ถ้ายูริจังได้พบกับนาย เธอจะ เธอจะ..." แล้วเนื้อหาก็ไม่มีต่อ...
สิ่งที่ผมทำได้หลังจากนั้น คือ การไปไหว้ที่หลุมศพเธอ โดยที่แม่ของเธอพาผมไป (เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าผมคือแฟนหนุ่มของยูริจัง) เป็นหลุมศพประจำตระกูลของเธอ... ผมได้พูดต่อหน้าหลุมของเธอว่า "ทำไม ทำไมคุณไม่บอกผม ทำไมถึงปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว โดยที่ผมไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณ" แม่ของเธอยื่นกระดาษ มาให้ผมแผ่นหนึ่ง แล้วพูดว่า "ยูริจัง ฝากมาให้น่ะ" ผมรีบเปิดอ่าน เธอเขียนว่า "ขอโทษ และ ขอบคุณนะคะ นับจากนี้ไป คุณไม่ต้องรอฉันอีกแล้วนะคะ ลาก่อน"
*ผมยังคงรอคุณเสมอนะ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี นับจากวันนั้นนี่ก็เข้าสู่ปีที่ 3 แล้วนะ ผมไม่คิดที่จะมีความรักกับคนอื่นแล้วละ คุณคือคนรักของผม เพียงคนเดียวเท่านั้น*
จบ.
-------------------
หมายเหตุ :
เมื่อก่อนผมไม่ใช่พวกบ้าถ่ายรูปนะ แต่หลังจากเรื่องต่างๆผ่านไป ผมคิดว่าการถ่ายรูป มันก็ดีไปอย่างนะ มันเป็นเหมือนการบันทึกสิ่งต่างๆ เหตุการณ์ต่างๆ ที่มันได้ผ่านตัวผมไปทั้งหมด ซึ่งถ้ามีรูปไว้มันก็จะดี จะได้หวญนึกถึงสิ่งต่างๆในอดีต ได้บันทึกไว้ในโลกนี้ว่า เราเองก็เคยมีตัวตนบนโลกใบนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น